10 ต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ควรมีติดบ้าน!

0
794

10 ต้นไม้ฟอกอากาศ

10 ต้นไม้ฟอกอากาศ 2023 ดูแลง่าย เลี้ยงในบ้าน ห้องนอน ทนแดด ช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ มีประโยชน์พร้อมเพิ่มความเท่

10 ต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ควรมีติดบ้าน! ประเทศไทย มีมลพิษทางอากาศเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อสุขภาพทางร่างกาย และจิตใจ ของผู้คนในประเทศได้ โดยสาเหตุก็มาจากหลายอย่าง เช่น เขม่าควันจากโรงงานอุตสาหกรรมและยานพาหนะ เป็นตัวการที่ทำให้มีมลพิษทางอากาศเพิ่มมากขึ้นตลอดทุกปี และเราก็ควรต้องหาวิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ ก่อนที่สุขภาพจะแย่ลงเรื่อยๆ

ในปัจจุบัน สไตล์การใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไปอย่างมาก มีความเครียดจากการเรียน การทำงาน เศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในห้อง อาจจะช่วยลดความเครียด เพิ่มความสดใส มีชีวิตชีวิา ให้แก่ชีวิตของท่านมากยิ่งขึ้น ทำให้ห้องของเราน่าอยู่ และรู้สึกผ่อนคลายในการอยู่ห้องมากขึ้น นั่นเอง

โดยการแก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อย่างการนำต้นไม้ฟอกอากาศ มาปลูกไว้ภายในบ้าน ก็ย่อมเป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และ ก็ยังเป็นกิจกรรมยอดนิยมที่ผู้คนเริ่มหันมาสนใจ กันมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้น มาดูกันดีกว่าว่าต้นไม้ชนิดไหนที่ฟอกอากาศได้บ้าง แล้ววิธีการปลูก เลี้ยงดูแลง่ายกว่าที่หลายๆ ท่านคิดแน่นอน

1.ต้นเดหลี

ต้นเดหลี

ต้นเดหลี หรือ Peace Lily ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Spathiphyllum Species / อยู่ในวงศ์ ARACEAE )
ต้นเดหลีเป็นไม้พุ่มเตี้ยที่มีความสูงประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศในแถบทวีอเมริกาใต้ ผู้คนส่วนมากนิยมปลูกต้นดาหลีไว้เป็นไม้ดอกไม้ประดับภายในอาคาร

เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่ระบายความชื้นได้สูง และสามารถดูดสารพิษและกำจัดสารพิษภายในอาคารได้ เช่น เบนซิน ฟอร์มาลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทิลีน แอมโมเนีย ไซลีน โทลูอีน และสารมลพิษอื่นๆ โดยตามธรรมชาติต้นดาหลีจะขึ้นอยู่ตามลำธารที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน แต่ต้นดาหลีก็สามารถปรับตัวได้ดีหากนำมาปลูกภายในอาคาร และถือเป็นต้นไม้ที่สามารถออกดอกได้แม้จะมีความชื้นต่ำและได้รับสงจากหลอกไฟเพียงเท่านั้น

วิธีการปลูกดูแลต้นเดหลี

  • แสงแดด: แสงอ่อนๆแบบรำไร หรือในอุณหภูมิประมาณ 18-24 องศาเซลเซียส
  • น้ำ: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา และเมื่อมีอากาศร้อนมากควรรดน้ำมากขึ้น
  • ดิน: ดินร่วนซุย และควรมีความชื้นสูง
  • ปุ๋ย: เน้นในการใส่ปุ๋ยคอกเป็นหลัก โดยใส่ 2-3 เดือน/ครั้ง และปริมาณที่ควรใส่คือ 1-2 กำมือ

2.ต้นลิ้นมังกร

ต้นลิ้นมังกร

ต้นลิ้นมังกร หรือ Snake plant ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Sansevieria laurentii / อยู่ในวงศ์ ARACEAE )
ต้นลิ้นมังกรเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ มีลักษณะเด่นตรงใบ ที่เรียวยาวเหมือนหอก มีทั้งชนิดสั้น และยาว ปลายใบมีทั้งแบบปลายใบไม่มีหนาม ปลายใบมีหนาม และ ปลายใบมน

นิยมขายพันธุ์ด้วยการแยกกอ และ ตัดชำใบ สามารถปลูกได้ทั้งใน และ นอกอาคาร คุณสมบัติในการดูดสารพิษของลิ้นมังกรไม่มีมากนัก แต่มีคุณสมบัติในการคายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืน และ ดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จึงเหมาะที่จะปลูกไว้ในห้องนอน

วิธีการปลูกดูแลต้นลิ้นมังกร

  • แสงแดด: แสงอ่อนๆแบบรำไร อากาศต้องถ่ายเทดี และ ถ้าหากปลูกภายในห้องที่ไม่มีแสงแดดส่องถึงควรนำออกไปตากแดดข้างนอก 1 ครั้ง/สัปดาห์ หากปลูกในที่แจ้งสามารถรับแสงแดดโดยตรงได้เลย
  • น้ำ: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา และ ไม่ควรรดน้ำจนแฉะเกินไปเพราะอาจจะทำให้รากเน่าได้
  • ดิน: ดินร่วนซุย ดินโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ง่าย
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอก 1 ครั้ง/2-3 เดือน เพราะต้นลิ้นมังกรไม่ต้องการสารอาหารมาก

3.ต้นเฟิร์นบอสตัน

ต้นเฟิร์นบอสตัน

ต้นเฟิร์นบอสตัน หรือ Boston Fern ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Nephrolepis exaltata / อยู่ในวงศ์ POLYPODIACAE ) ต้นเฟิร์นบอสตัน ถือเป็นต้นไม้ที่อยู่คู่โลกเรามานานแสนนาน และยังเป็นไม้ประดับยอดนิยมอย่างมากอีกด้วย สามารถปลูกได้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร ช่วยโลก ช่วยชีวิต

เฟิร์นบอสตันมีลักษณะก้านใบแข็งโค้งตัวออกและทิ้งตัวลงเมื่อมีอายุมากขึ้น เฟิร์นบอสตันเป็นไม้ประดับที่ช่วยทำความสะอาดให้แก่อากาศภายในได้ดี สามารถดูดสารพิษได้มาก โดยเฉพาะสารจำพวกฟอร์มาดีไฮด์ ไซลีน โทลูอีน เชื้อโรคในอากาศ เชื้อรา และแบคทีเรีย

วิธีการปลูกดูแลเฟิร์นบอสตัน

  • แสงแดด: แสงแดดอ่อนๆ กึ่งแดด หรืออุณหภูมิประมาณ 18-24 องศาเซลเซียส
  • น้ำ: รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพราะเฟิร์นบอสตันเป็นไม้ประดับที่ต้องการน้ำมาก ควรระวังไม่ให้ดินแห้ง
  • ดิน: ดินร่วนซุย เศษอิฐหักใบไม้ผุ
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ในอัตราส่วนเท่าๆกัน

4.ต้นแก้วกาญจนา

ต้นแก้วกาญจนา

ต้นแก้วกาญจนา หรือ Aglaonema ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Aglaonema commutatum / อยู่ในวงศ์ ARACEAE ) ต้นแก้วกาญจนาเป็นไม้ประดับที่มีความโดดเด่นอย่างมากในส่วนของใบที่มีสีสันฉูดฉาดสวยงาม สามารถวางประดับได้ทั้งในอาคารและนอกอาคาร ยังเป็นพืชที่ช่วยกำจัดเบนซีนและฟอร์มาลดีไฮด์ รวมถึงสร้างออกซิเจนในปริมาณมากด้วย นิยมในการนำมาประดับตกแต่งบ้านเพื่อสิริมงคลและนำไปประดับตกแต่งในงานต่างๆ

วิธีการปลูกดูแลต้นแก้วกาญจนา

  • แสงแดด: แสงอ่อนๆแบบรำไร อากาศต้องถ่ายเทดี
  • น้ำ: แก้วกาญจนาต้องการนำในปริมาณไม่มากและไม่น้อยเกินไป ดังนั้นควรรดน้ำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือไม่ก็ควรเช็คว่าดินที่ใช้ปลูกแห้งหรือไม่
  • ดิน: ดินร่วนซุย ดินโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ง่าย และระบายน้ำได้ดี
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก

5.ต้นไทรใบสัก

ไทรใบสัก
ไทรใบสัก ดียังไง

ต้นไทรใบสัก หรือ Fiddle Fig ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Ficus Lyrata / อยู่ในวงศ์ FICUS )
ต้นไทรใบสักเป็นต้นไม้ฟอกอากาศในตระกูลไทร อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตร้อน ลักษณะเด่นของ ไทรใบสัก นั่นก็คือ ใบและลำต้นที่สูงใหญ่โดยมีใบขนาดใหญ่โอบล้อมไว้ ไทรใบสักนั้นชื่นชอบแสงแดด แต่ก็สามารถที่จะปลูกในตัวอาคารหรือบริเวณที่มีแสงรำไรได้ ไม่ต้องการน้ำมาก ดูแลง่าย และอีกอย่างยังเป็นที่นิยมอย่างมาก ในการตกแต่งอาคารทั้งภายในและ ภายนอก

วิธีการปลูกดูแลต้นไทรใบสัก

  • แสงแดด: ควรปลูกในที่ที่แสงแดดส่องถึงเป็นปกติ หาปลูกภายนอกอาคารไม่ควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดจ้า
  • น้ำ: ควรลดน้ำอย่างน้อย 3-4 วันครั้ง หรือเช็คว่าดินแห้งแล้วค่อยให้น้ำ หากปลูกบริเวณที่ชื้นมาก ไม่ค่อยมีการระเหย ควรเว้นการให้น้ำ 1 สัปดาห์
  • ดิน: ควรใช้ดินร่วน ดินโปร่ง น้ำไม่ขัง และไม่ควรใช้ดินที่มีความหนาแน่นมาก
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยละลายช้า 1 ครั้ง/สัปดาห์

ต้นไม้สวยงาม จัดสวนได้ ประดับร้าน คาเฟ่ก็โดน แถมยังเป็นไม้มงคลเสริมฮวงจุ้ย

6.ต้นจั๋ง

ต้นจั๋ง

ต้นจั๋ง หรือ Broad Lady Palm ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Chamaedorea seifrizii / อยู่ในวงศ์ PALMAE )
ต้นจั๋งมีความโดเด่นในส่วนของใบ ที่มีความสวยงามแปลกตา มีลักษณะคล้ายพัด มีความทนทานต่อสภาพอากาศได้ดีอีกด้วย ช่วยดูดซับและกำจัดเบนซิน ฟอร์มาลดีไฮด์ ไตรคลอโรเอทิลีน ไซลีน และโทลูอีน ในอากาศ ช่วยลดระดับแอมโมเนียที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หลายประเภท สามารถดูดหรือสะสมธาตุ และ เกลือแร่ไว้ที่ส่วนของปลายใบ

วิธีการปลูกดูแลต้นจั๋ง

  • แสงแดด: แสงอ่อนๆหรือกึ่งแดด ควรอยู่ในอุณหภูมิประมาณ 18-24 องศาเซลเซียส
  • น้ำ: ต้องการนำในปริมาณไม่มากและไม่น้อยเกินไป ดังนั้นควรรดน้ำ 2-3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือไม่ก็ควรเช็คว่าดินที่ใช้ปลูกแห้งหรือไม่
  • ดิน: ดินร่วนซุย ดินโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ง่าย
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือเศษใบไม้ใบหญ้าที่ผุแล้ว เปลือกถั่ว เดือนละ 1 ครั้ง

7.ต้นพลูด่าง

ต้นพลูด่าง

ต้นพลูด่าง หรือ Money Plant ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Scindapsus aureus / อยู่ในวงศ์ ARACEAE )
ต้นพลูด่างเป็นพรรณไม้เลื้อย เขตร้อน ลำต้นอ่อน ใบมีลักษณะเป็นรูปหัวใจ จะเลื้อยขึ้นในแนวดิ่ง หรือ ปลูกให้เลื้อยตามผนังได้ นิยมเลี้ยงเป็นไม้ประดับ

และที่สำคัญ สามารถกำจัดสารเบนซีน ฟอร์มาลดีไฮด์ ไซลีน และโทลูอีนที่อยู่ในอากาศได้ ปลูกง่ายตายยาก ข้อควรระวังคือใบเป็นพิษต่อเด็กเล็ก ดังนั้นไม่ควรปลูกบริเวณที่ใกล้ๆกับเด็กๆ แต่ต้นพลูด่างก็เหมาะกับการปลูกในอาคาร และ ที่อยู่อาศัย ตกแต่งวางประดับในห้องเพื่อความสวยงาม

วิธีการปลูกดูแลต้นพลูด่าง

  • แสงแดด: ต้นพลูด่างชื่นชอบแสงแดด ควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึง หรือ สามารถปลูกกลางแจ้งก็ได้
  • น้ำ: ต้องการนำในปริมาณไม่มาก และ ไม่น้อยเกินไป ดังนั้นควรรดน้ำ 2-3 วัน/1 ครั้ง
  • ดิน: ดินร่วนซุย ดินโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ง่าย สามารถปลูกในขวดน้ำได้
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเป็นบางครั้ง เพราะเป็นพรรณไม้ที่ไม่ต้องการแร่ธาตุมาก

8.ต้นมอนสเตอร่า

มอนสเตอร่า
มอนสเตอร่า น่าเลี้ยงยังไง

ต้นมอนสเตอร่า หรือ Monstera ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Monstera deliciosa Liebm / อยู่ในวงศ์ ARACEAE ) ต้นมอนสเตอร่าถือเป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่เป็นที่นิยมอย่างมาก ลักษณะใบสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ผิวใบที่มีขนาดใหญ่และชุ่มชื้น สามารถดักจับฝุ่นละออง ที่ลอยอยู่ในอากาศได้

และยังดูดสารพิษจำพวกแอมโมเนีย แอลกอฮอล์ และฟอร์มาลดีไฮด์ มอนสเตอร่าถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากในการปลูกประดับภายในอาคาร และ ยังสามารถปลูกภายนอกอาคารได้อีกด้วย แต่มอนสเตอร่าก็เป็นต้นไม้ฟอกอากาศที่เป็นที่นิยมและมีราคาที่สูงมากอีกด้วย อาจด้วยเพราะลักษณะของใบที่มีความด่างแตกต่างกัน และยิ่งมีความด่างมากราคาก็จะพุ่งสูงขึ้นมากอีกด้วย

วิธีการปลูกดูแลต้นมอนสเตอร่า

  • แสงแดด: มอนสเตอร่าต้องการแสงค่อนข้างมาก ดังนั้นสามารถปลูกในที่โล่งแจ้งได้ แต่ถ้าหากปลูกภายในอาคารควรปลูกในบริเวณที่มีแสงแดดส่องพอ
  • น้ำ: รดน้ำประมาณ 2-3 วัน/ครั้ง หรือสามารถให้น้ำจากการเช็คสภาพดิน ถ้าหากดินแห้งก็ควรรดน้ำ แต่ไม่ควรรดจนแฉะเกินไป
  • ดิน: ดินที่มีความร่วน ดินโปร่ง ไม่ควรใช้ดินที่มีความแน่นมาก
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในปริมาณ 1-2 ช้อนชา

9.ต้นเศรษฐีเรือนใน

ต้นเศรษฐีเรือนใน

ต้นเศรษฐีเรือนใน หรือ Spider plant ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Chlorophytum comosum / อยู่ในวงศ์ LILIACEAE ) ต้นเศรษฐีเรือนในจัดเป็นว่านยอดนิยมที่ผู้คนปลูกเพื่อเสริมสิริมงคล และชื่อของต้นเศรษฐีเรือนในก็มีที่มาจาก ลักษณะเด่นของแถบสีเหลืองอ่อนตรงกลางที่มีความหมายว่า มั่งมี ศรีสุข

และต้นเศรษฐีเรือนใน ยังจัดเป็นพืชล้มลุกที่มีความสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ลำต้นสามารถแตกเหง้าหรือต้นใหม่จำนวนมาก และที่สำคัญคือสามารถกำจัดสาร VOC หรือสารอินทรีย์ระเหยง่าย คาร์บอนมอนอกไซด์และไซลีน เหมาะกับการปลูกประดับภายในอาคาร และ ภายนอกอาคารตามความเหมาะสม

วิธีการปลูกดูแลต้นเศรษฐีเรือนใน

แสงแดด: ต้นเศรษฐีเรือนในต้องการแสงแดดปานกลาง สามารถปลูกในที่แจ้งและภายในอาคารที่มีแสงแดดส่องถึง หรือปลูกในอุณหภูมิ 15-30 องศาเซลเซียส
น้ำ: รดน้ำประมาณ 2-3 วัน/1 ครั้ง หรือรดในตอนที่สภาพดินมีความแห้ง
ดิน: ดินร่วนซุย ดินโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ง่าย
ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอก 1 ครั้ง/2-3 เดือน

10.ต้นยางอินเดีย

ต้นยางอินเดีย

ต้นยางอินเดีย หรือ Rubber Plant ( ชื่อทางวิทยาศาสตร์ ; Ficus elastica / อยู่ในวงศ์ MORACEAE )
ต้นยางอินเดียในลักษณะโดยทั่วไปเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร และ ความสวยงามของต้นยางอินเดียคือลำต้นเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีหูใบสีชมพูแดงห่อหุ้มยอดอ่อนไว้ ก้านใบมีสีแดงสวยงาม และทุกส่วนยังมีน้ำยางสีขาวอยู่ด้วย ด้วยความที่ใบมีขนาดใหญ่ จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซับและกำจัดฟอร์มาลดีไฮด์ สารเคมี แบคทีเรีย สปอร์ของเชื้อราในอากาศ และดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์

วิธีการปลูกดูแลต้นยางอินเดีย

  • แสงแดด: สามารถปลูกในอุณหภูมิ 12-30 องศาเซลเซียส จะทำให้ต้นยางอินเดียเติบโตได้ดี
  • น้ำ: รดน้ำประมาณ 2-3 วัน/ 1 ครั้ง
  • ดิน: ดินร่วนซุย ดินโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ง่าย หรือควรปลูกในบริเวณที่มีพื้นที่เพื่อการเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ของต้นยางอินเดีย
  • ปุ๋ย: ใส่ปุ๋ยคอก 1 ครั้ง/2-3 เดือน

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศ คืนอากาศบริสุทธิ์ ให้บ้านของคุณ

1.ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์

ต้นไม้จะช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์มากขึ้น ช่วยในเรื่องของการปรับสภาพอากาศ ที่ไม่ถ่ายเทในบ้านของท่าน ให้ปลอดโปร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะช่วยลดในเรื่องของอาการ โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคทางระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น

2.เสริมสร้างสมาธิในการทำงาน

นอกจากต้นไม้จะช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ และสภาพอากาศที่ดีในห้องของท่านแล้ว ยังมีการศึกษาและวิจัยว่า การปลูกต้นไม้ในบ้านนั้น ช่วยให้การทำงานของคนเรา มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ถึงร้อยละ 70 เลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้เราอีกด้วย

3.ผ่อนคลายจากความเครียด

เมื่อคุณมีความเครียดจากเรื่องใดๆก็ตาม เพียงแค่หันมามองต้นไม้สีเขียวในห้อง ก็จะทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย และสดชื่นได้ ซึ่งตามหลักจิตวิทยา ต้นไม้สีเขียว จะช่วยในเรื่องของความผ่อนคลาย สดชื่น แถมยังช่วยในเรื่องของการพักสายตา ที่อ่อนล้าจากการใช้ชีวิต ได้เป็นอย่างดี

4.ลดความแห้ง ตกแต่งห้องได้สวยงาม

แน่นอนว่าต้นไม้ฟอกอากาศในห้องของเรา จะมีการ คายน้ำตามกระบวนการหายใจของต้นไม้ อยู่เป็นประจำ ดังนั้น น้ำที่ถูกคายออกมาจากต้นไม้นั้น ก็จะถูกกระจายเข้าไปอยู่ในอากาศของห้องเรา และ จะช่วย เพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศภายในห้องของเราได้มากขึ้น นั่นเอง

นอกจากนี้การวางต้นไม้ฟอกอากาศไว้ในบ้าน จะช่วยเพิ่มในเรื่องของความสวยงาม จัดว่าเป็นการตกแต่งสไตล์ธรรมชาติ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา สีสันเขียวสดใส ให้เรารู้สึกสดชื่น น่าอยู่มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้บ้านของเราไม่แห้งเหี่ยวเฉาเกินไป

สรุป

ต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยทำให้มลภาวะทางอากาศลดลงอย่างมาก ทั้งมีความสวยงาม สามารถนำมาประดับตกแต่งบ้าน หรือห้องของเรา ให้ดูน่าอยู่มากยิ่งขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยในเรื่องของอากาศภายในบ้าน ให้ดีขึ้นอีกด้วย เพราะการที่อยู่อาศัยที่มีอากาศบริสุทธิ์เป็นเรื่องสำคัญ

ถ้าหากเราอยู่ในบ้านที่มีแต่มลภาวะ สารพิษหรือฝุ่นละอองมากมาย ก็จะทำให้สุขภาพร่างกายของเรา แย่ได้เหมือนกัน และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้มีผลเสียมากมายตามมา ดังนั้น หันมาปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ เพื่อขจัดมลภาวะทางอากาศ เพื่อให้บ้านของเราน่าอยู่มากขึ้น

นอกจากต้นไม้แล้ว ใครชอบบทความเกี่ยวกับน้องหมา เราขอแนะนำ บทความใหม่ๆ 12 อันดับ สายพันธุ์สุนัข ในประเทศไทยทั้งหมด ที่เป็นสายพันธุ์ยอดฮิต เลี้ยงง่าย ไปอ่านกันต่อได้เลย

ติดตามบทความใหม่ๆ…. ความสุข

บทความก่อนหน้านี้10 หนังคริสมาสต์ การ์ตูน Christmas เทศกาลแห่งวันครอบครัว แสนอบอุ่น
บทความถัดไป10 อันดับ ขนมห่อ 5 บาท ที่เด็กยุค 90 ต้องเคยกิน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่